[สั้น] The Joke Is on Us | 2024, Common People Like You
ความเปล่าเปลี่ยว แปลกแยก และสิ้นหวังของการใช้ชีวิตในกงล้อสังคมที่ตายด้าน อัลบั้มแรกของวงร็อกสุดครบเครื่องจากเชียงใหม่
The Joke Is on Us | 2024, Common People Like You | 10 เพลง, 35 นาที | ★★★½☆
◾ แนวเพลง : อินดี้ร็อก (โพสต์พังก์รีไววัล), อาร์ตพังก์, แดนซ์พังก์, การาจร็อกรีไววัล
◾ รีวิว ‘ฉบับสั้น’ :
หยิบยืมชื่อมาจากบทเพลงบริตป็อประดับมาสเตอร์พีซของ Pulp; Common People Like You เป็นวงร็อกขนาดห้าชิ้นจากเชียงใหม่ที่เตะตาผมมาตั้งแต่เห็นชื่อของวงครั้งแรก ด้วยชื่อวงซึ่งแปลไทยได้ว่า ‘คนธรรมดาเหมือนกับคุณ’ นั้น เป็นประโยคแสนเรียบง่ายที่สื่อถึงนัยความเชื่อทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย อันมองว่ามนุษย์ทุกคนล้วนต่างมีค่าเท่ากันได้อย่างแยบยล เหมาะสมอย่างยิ่งกับซาวด์ดนตรีของพวกเขา ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างซาวด์ดนตรีหัวขบถอย่างโพสต์พังก์(รีไววัล) กับดนตรีคนนอกที่เป็นกันเองอย่างอินดี้ร็อก วัดวาดลวดลายของตนด้วยจังหวะกระฉับกระเฉง เบสไลน์ดีดเด้ง กีตาร์แสบสัน และการร้องเพลงแบบกึ่งร้องกึ่งพูด ที่จับคู่มากับเนื้อเพลงจิกกัดความเป็นไปของสังคมในชีวิตประจำวัน เหมือนจุดกึ่งกลางระหว่างวงอินดี้-โพสต์พังก์สุดคัลต์ของแคนาดาอย่าง Ought กับวงอินดี้-การาจร็อกชื่อก้องโลกอย่าง The Strokes ยุคแรก มันเป็นลายเซ็นเสียงที่สื่อถึงทั้ง ‘ความขบถ’ และ ‘ความเป็นกันเอง’ ได้สมกับชื่อ ‘คนธรรมดาเหมือนกับคุณ’
.
และ The Joke Is on Us อัลบั้มชุดแรกของวง ซึ่งชื่อแปลไทยได้ว่า ‘พวกเรานั่นแหละที่น่าขัน’ นั้น ก็ยังคงเดินย่ำอยู่ในเส้นทางเดิมของวงไม่เปลี่ยน อัลบั้มชวนเราตรงดิ่งสู่ท้องถนนของป่าคอนกรีต ที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันและไอเสียจากท่อรถยนต์ เมื่อหันมองไปยังผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนน ก็พบว่าทุกคนต่างแบกไว้ซึ่งสีหน้าของความเหนื่อยหน่ายและความสิ้นหวังซึ่งชีวิต ที่รู้สึกไร้ค่าไร้ความหมาย ไม่ต่างอะไรไปจากตัวละครในตำนานกรีกอย่างซิซิฟัส (Sisyphus) ผู้ถูกชะตาให้กลิ้งหินขึ้นภูเขาอย่างไม่รู้จบไปทั้งชีวิต
ครึ่งแรกของอัลบั้มนั้น แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติ ‘ความครบเครื่อง’ ของวงได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งภาคจังหวะ เมโลดี้ เสียงเครื่องดนตรี การมิกซ์ งานโปรดักชัน เสียงร้อง หรือกระทั่งแม้แต่เนื้อเพลง ทุกอย่างล้วนต่างฟังดูดี ดูสวย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงตัวตนของวงได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเพลงประชดแสบๆ เกี่ยวกับการมีความฝันในสังคมที่พยายามบดขยี้ความฝันอย่าง ‘I Have A Dream’; เพลงที่ชวนมองย้อนกลับไปยังชีวิตด้วยสายตาของความเศร้าอย่าง ‘Tears, Fears and Beers’; เพลงหม่นๆ ที่พรรณนาถึงความเหนื่อยหน่ายต่อชีวิตที่ไร้ความหมาย อย่าง ‘SUN’; หรือเพลงเศร้าสร้อยของคนปวดร้าว ที่ไม่มีใครเข้าใจ อย่าง ‘Who Said It’s Ok’; เพลงเหล่านี้ คือไฮไลท์ที่ย้ำภาพตัวตน ‘คนธรรมดาเหมือนกับคุณ’ ของวงได้อย่างยอดเยี่ยม แถมคุณภาพระดับนี้ หากไม่รู้มาก่อนคงหลงผิดคิดว่าเป็นผลงานของวงอินดี้-โพสต์พังก์ดาวรุ่งจากเกาะอังกฤษไปแล้ว น่าทึ่งมาก ตรงนี้ขอยกเครดิตให้คุณเฟนเดอร์ ธนพล จูมคำมูล (View From the Bus Tour หรือฟร๊อนแมนวง Solitude Is Bliss) ที่กลับมารับตำแหน่งโปรดิวเซอร์ให้กับวงอีกครั้งด้วย
น่าเสียดายที่ครึ่งหลังของอัลบั้มนอกจากจะไม่สามารถรักษาคุณภาพของครึ่งแรกเอาไว้ได้แล้ว ยังไม่สามารถนำเสนออะไรที่สดใหม่พอจะดึงความสนใจของคนฟังไว้ได้ด้วย เพราะเพลงในครึ่งนี้ มักถูกเขียนออกมาได้ไม่แข็งแรงพอ เยิ่นเย้อ ขาดความเฉียบคม หรือต่อให้ถ้าเขียนออกมาดีพอ ก็ดันนำเสนอออกมาได้ไม่น่าจดจำเสียซะอย่างงั้น ยกตัวอย่างเช่น เพลง ‘I Don’t Trust You’ ที่มีริฟกีตาร์จี๊ดๆ จังหวะดีดๆ กลิ่นไอ Gang of Four มาเป็นตะขอเกี่ยวหูให้คนฟังสนใจ แต่พอฟังไปได้สักพัก ด้วยความที่เนื้อเพลงมันเยิ่นเย้อ จับประเด็นไม่ได้ มันเลยฟังดูฉาบฉวยและกลวงเปล่า หรือในทางกลับกัน เพลง ‘Stay Down’ ซึ่งเขียนเนื้อเพลงมาดี นำเสนอความหวังที่หวานปนขมอันควรจะเป็นส่วนสำคัญต่อบริบทของอัลบั้ม วงก็ดันดึงความหวานปนขมของมันออกมาถ่ายทอดได้ไม่มากพอ เพลงเดียวในครึ่งหลังนี้ที่พอจะน่าจดจำ เห็นจะมีแต่ ‘No Talk’ ที่พลิกไปเป็นดรีมป็อป/นีโอไซคีเดลเลียชวนเคลิ้ม แต่มันก็น่าจดจำเพียงแค่เพราะมัน ‘แตกต่าง’ เท่านั้นแหละ
.
ดังนั้นแล้ว แม้อาจจะมีรอยด่างรอยตำหนิอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของครึ่งหลัง แต่ The Joke Is on Us ก็ยังเป็นอัลบั้มอินดี้-โพสต์พังก์คุณภาพ ที่ยืนยันกับเราอีกครั้งว่า Common People Like You คือหนึ่งในวงดนตรีที่น่าจับตามองที่สุดของเมืองไทยตอนนี้ หากเขาคงเส้นคงวาได้มากกว่านี้ สร้างสรรค์ได้มากกว่านี้ วงวงนี้นี่แหละคือว่าที่วงพังก์/ร็อก/อินดี้ระดับท็อปของเมืองไทย
.
◾ เพลงที่ชอบที่สุด 3 เพลง :
Tears, Fears and Beers
SUN
Who Said It's Ok?
◾ คุณภาพการมิกซ์และบันทึกเสียง : ค่อนข้างดี